โครงการคนละครึ่ง ตัวกระตุ้นสู่สังคมไร้เงินสด

ที่ผ่านมาโครงการคนละครึ่งเรียกได้ว่ามีกระแสตอบรับดีมาก ๆ จะเปิดกี่เฟส กี่รอบ คนก็แห่ลงทะเบียนกันจนครบในเวลาอันรวดเร็ว เป็นอีกหนึ่งโครงการดี ๆ ที่ทางรัฐบาลมอบให้แก่ประชาชนในช่วงวิกฤตทางเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 (COVID-19)

โครงการคนละครึ่ง ตัวผลักดันให้เกิดสังคมไร้เงินสดในประเทศไทยเร็วขึ้น

โครงการคนละครึ่ง นอกจากทำมาเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ร้านค้ารายย่อยแล้ว ยังช่วยกระตุ้นให้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมไร้เงินสดได้เร็วขึ้น Cashless Society เนื่องจากรูปแบบการจ่ายเงิน รับเงิน ไม่ได้ใช้เงินสดอย่างธนบัตรหรือเหรียญในการซื้อขายสินค้า แต่เน้นการใช้ระบบ Online Payment หรือการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์แทน (แอพพลิเคชั่น ถุงเงิน – เป๋าตัง)

ซึ่งก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลก็เคยได้ทำโครงการที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ อย่างเช่น โครงการ “ชิมช้อปใช้” ซึ่งรูปแบบการจ่ายเงิน รับเงิน ก็เน้นการใช้ระบบ Online Payment เช่นกัน โดยเป็นเงินที่ทางรัฐบาลให้ผ่านทางแอพพลิเคชั่น “เป๋าตัง” คนละ 1,000 บาท ให้ประชาเอาไว้จับจ่ายใช้สอยกับทางร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ช่วยผลักดันความเป็นสังคมไร้เงินสดของประเทศไทยในอนาคต

อดีตถึงปัจจุบัน สังคมไร้เงินสดในประเทศไทยมีแนวโน้มดีขึ้น

จากที่เราได้เห็นโครงการต่าง ๆ ที่ผ่านมาของทางรัฐบาลมีประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจและมีส่วนร่วม ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีและได้เห็นถึงแนวโน้มความเป็นไปได้มากขึ้นที่ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมไร้เงินสดแบบเต็มรูปแบบในอนาคตอันใกล้

จากหลาย ๆ สิ่งๆ ที่เห็นได้ชัดเจนคือ การตื่นตัวของประชาชนในเรื่องของ E-payment ซึ่งหลาย ๆ คนที่ไม่เคยใช้แอพพลิเคชั่นในการรับเงินจ่ายเงิน ก็เริ่มที่จะใส่ใจและเรียนรู้ ปรับตัวตามยุคตามสมัยมากขึ้น อีกทั่งความร่วมมือของภาคเอกชน ห้างร้าน หรือแม้กระทั่งร้านค้าแผงลอยที่เข้าร่วมโครงการมากขึ้น ดูได้จากโครงการคนละครึ่ง ที่มีร้านค้าเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่องมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าที่ก่อนหน้าไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้ ก็เริ่มปรับตัว หันมาใส่ใจและเรียนรู้กันมากขึ้นอีกด้วย

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า นโยบายหรือโครงการของภาครัฐที่ทำออกมา ล้วนมีส่วนสำคัญที่จะผลักดันให้เกิดสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ในประเทศไทยเต็มรูปแบบเร็วมากขึ้น และนอกจากจะเพิ่มความสะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงินให้กับประชาชนและภาคธุรกิจแล้ว ยังช่วยลดค่าจัดพิมพ์และจัดเก็บธนบัตร ซึ่งเป็นผลดีต่อการจัดสรรงบประมาณต่าง ๆ ของรัฐบาลได้อีกด้วย