บิตคอยน์ (Bitcoin) คือสกุลเงินดิจิทัล ที่มีการเข้ารหัสเอาไว้ และใช้เทคโนโลยี บล็อกเชน (Blockchain) เป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งจะเป็นรูปแบบของการบริหารจัดการและจัดเก็บข้อมูล โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของผู้ใช้งานทุกคนในเครือข่าย เป็นตัวตรวจสอบและยืนยันในการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้น และทำการเก็บบันทึกข้อมูลทั้งหมดกระจายเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่อยู่ในเครือข่ายพร้อม ๆ ในเวลาเดียวกันครับ
การขุดบิตคอยน์ (Bitcoin mining) คืออะไร?
การขุดบิตคอยน์ (Bitcoin mining) คือ การตรวจสอบธุรกรรมที่เข้ารหัส (Encryption) เอาไว้ ด้วยการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการถอดรหัส เดาตัวเลขออกมานับล้านชุดภายในเวลาเสี้ยววินาที ซึ่งหากเครื่องคอมพิวเตอร์ของคนใดที่สามารถเดาตัวเลขเพื่อเติมสมการและไขรหัสให้ถูกต้องก่อนเครื่องอื่น ก็จะมีสิทธิอัปเดตบันทึกข้อมูลลง “บล็อก” และได้ บิตคอยน์ (Bitcoin) เป็นรับรางวัลตอบแทนนั่นเองครับ
ซึ่งการเดาตัวเลขนั้นหรือที่เรียกว่า การขุด (Mining) ถึงแม้ว่าจะใช้คอมพิวเตอร์ที่มีหน่วยประมวลผลสูง เพื่อเดาตัวเลขออกมานับล้านชุดภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่ว่าการแก้สมการและไขรหัสก็ใช่ว่าจะง่ายเสมอไปตลอดทุกครั้ง เพราะระบบออกแบบให้มีความยากมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน ทำให้หลาย ๆ คนต้องคอยหาคอมพิวเตอร์ที่มีหน่วยประมวลผล CPU แรงมาก ๆ มาช่วยแก้รหัส หรืออาจใช้อุปกรณ์อื่น ๆ เข้ามาช่วยประมวลผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยประมวลผลของการ์ดจอหรือ GPU
เนื่องจากว่า บล็อกเชน (Blockchain) นั้นอาศัยหลักการสร้าง Hash ข้อมูล ด้วยการใช้ Floating point ซึ่งเจ้า GPU นั้นมันออกแบบมาให้สามารถคำนวนได้เร็วกว่า CPU นั่นเองครับ
การขุดบิตคอยน์ (Bitcoin mining) ทำอย่างไร?
วิธีการขุดบิตคอยน์ สามารถแบ่งออกได้ดังนี้
1. การขุดแบบเดี่ยว (Solo Mining) เป็นการขุดแบบซื้ออุปกรณ์มาขุดด้วยตัวเอง ก็คือใช้คอมที่เราประกอบขึ้นมา ขุดตรงไปยัง บล็อกเชน (Blockchain) เลย ซึ่งวิธีนี้ไม่เป็นที่นิยมนัก เพราะว่าเราต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีหน่วยประมวลผลสูงมาก ๆ และมีโอกาสน้อยมากที่จะได้บิตคอยน์ เรียกได้ว่าไม่คุ้มกับเงินที่ลงทุนไปกับการซื้ออุปกรณ์นั่นเองครับ
2. การขุดแบบกลุ่ม (Pool Mining) เป็นการขุดแบบซื้ออุปกรณ์มาขุดด้วยตัวเองเช่นกัน แต่ใช้วิธีเอาคอมพิวเตอร์ของเราไปร่วมกลุ่ม (Pool) ผ่านอินเทอร์เน็ตกับคนอื่น ๆ เช่น F2Pool BitFury AntPool และอื่น ๆ ซึ่งการขุดแบบนี้เป็นที่นิยมมาก เพราะว่าโอกาสได้บิตคอยน์นั้นมีมากกว่าการขุดแบบเดี่ยว แต่ก็ต้องแลกมาด้วยรางวัลที่น้อยมาก เพราะว่าต้องแบ่งให้กับคนอื่นในกลุ่ม (Pool) ด้วยนั่นเอง (ได้น้อยแต่ได้ชัวร์และได้เรื่อย ๆ ครับ)
3. การขุดแบบคลาวด์ (Cloud Mining) เป็นการขุดแบบไม่ต้องใช้อุปกรณ์หรือคอมพิวเตอร์ของตนเอง แต่ใช้วิธีซื้อกำลังขุดหรือเช่าเครื่องขุดจากผู้ให้บริการทำเหมืองบิตคอยน์ แต่รางวัลที่ได้ก็จะถูกหักบางส่วนเพื่อเป็นค่าดูแลรักษาระบบของผู้ให้บริการ ซึ่งวิธีนี้ก็เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน เหมาะสำหรับทั้งคนทุนน้อยและคนทุนหนา แต่ไม่อยากยุ่งวุ่นวายกับการประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ อีกทั้งยังไม่ต้องแบกรับภาระค่าไฟฟ้าที่บ้านและไม่จำเป็นต้องมาคอยดูแลรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์อีกด้วยครับ